เมื่อยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว
ไม่ทำตัวให้ดีและไม่หาทรัพย์ไว้
พอถึงวัยแก่เฒ่า พวกเขาย่อมนั่งซบเซา
เหมือนนกกะเรียนแก่
จับเจ่าอยู่ริมสระที่ไร้ปลา
(พุทธวจนะในธรรมบท- เสฐียรพงษ์ วรรณปก)
(1)
เริ่มงานอาชีพประกันชีวิต
เมื่อถูกชักชวนมาเป็นตัวแทนประกันชีวิต บางทีความคิดแวบแรกของท่านที่ผ่านเข้ามาอาจจะเป็นว่า
- การประกันชีวิตดีจริงหรือ
และติดตามด้วย
- ถ้าดีจริงเราจะทำได้หรือ
- ถ้าทำได้มันจะเหมาะกับเราหรือ
- ถ้าเหมาะ-มันจะเป็นอาชีพที่มั่นคงยั่งยืนไปจนตลอดชีวิตหรือ
- เราพูดไม่เก่ง จะขายได้หรือ
- อาชีพนี้จะเป็นที่ยอมรับของสังคมรอบตัวเราหรือ
- ผู้คนเขาจะไม่พากันรังเกียจเราหรือ
- เราจะมีเวลาพอหรือ เฉพาะงานประจำก็ยุ่งจะแย่อยู่แล้ว
- สามี-ภรรยาหรือพ่อแม่จะเห็นด้วยหรือ
- เราไม่ชอบง้อหรือตื๊อใครเราจะทำได้หรือ
- ใครๆที่เรารู้จักก็ทำประกันกันไปหมดแล้วจะมีใครให้ขายอีกหรือ
- ทำแล้วรวยเหรอ สำหรับผม เงินไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง
ผมเองก็เช่นเดียวกับเพื่อนๆ อาการอาจหนักกว่าด้วยซ้ำเพราะบรรพบุรุษของผม ท่านรับราชการมาหลายชั่วอายุคน
มิหนำซ้ำค่านิยมที่ปลูกฝังกันมาในยุคที่ผมเติบโตขึ้นมาคือการรับราชการ อย่างเลวที่สุดก็น่าจะเป็นรัฐวิสาหกิจ
หรือบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ เช่น ปูนซีเมนต์ไทย เป็นต้น
ผมหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะสามารถตอบคำถามพื้นฐานเหล่านี้ได้พอสมควร ที่จะทำให้ผู้ที่ตัดสินใจเลือกงานอาชีพนี้
ได้แน่ใจว่าเลือกหนทางเดินไม่ผิด ผมขอเริ่มอย่างนี้นะ
- การประกันชีวิตดีจริงหรือ
ช่วยบอกหน่อยได้ไหมครับว่าไม่ดีตรงไหน…
สมมติว่าถ้ามันไม่เป็นอย่างนั้น คุณจะทำงานนี้ไหมครับ…
ถ้าจะไม่ทำ ทำไมจึงคิดว่าเราไม่ควรทำละครับ
สมมตินะครับว่า ถ้ามันไม่ดีอย่างที่คุณพูดมาจริงๆ…
จะหมายความว่า งานอาชีพอื่นๆจะ ไม่ เป็นอย่างนั้นแน่ๆใช่ไหมครับ
คุณเคยคิดบ้างไหมครับว่างานอาชีพครู แพทย์ วิศวกร ทนายความ
หรือ งานอาชีพ เราทำอยู่ในปัจจุบันดีจริงหรือ
- ถ้าดีจริงเราจะทำได้หรือ
ผมไม่แน่ใจหรอกนะครับว่า คุณจะทำงานอาชีพนี้ได้หรือไม่
แต่รบกวนช่วยหาเหตุผลดีๆสักข้อสิครับว่า
ทำไมคนอย่างเรา จึงทำงานที่เราเห็นว่าดี -ไม่ได้
เราเป็นคนไม่มีความสามารถอะไรเลยอย่างนั้นหรือครับ
เราเป็นคนที่ไม่สามารถพัฒนาได้เลยอย่างนั้นหรือครับ
เราเกิดมาเพื่อที่จะล้มเหลวเท่านั้นหรือครับ
อ๋อ…ไม่ใช่หรือครับ ใช่ครับผมไม่เชื่อว่าคุณเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว
ผมเองก็ไม่แน่ใจหรอกครับว่า คุณจะทำได้หรือไม่
(ไม่แน่ใจแล้วมาชวนทำไม)
อ๋อ…ทำไมผมจึงมาชักชวนอย่างนั้นหรือครับ
เหตุผลง่ายๆก็คือ เพราะผมไม่แน่ใจว่าใครจะทำงานนี้ได้หรือไม่
ดังนั้น สิ่งที่ผมทำไปก็เพื่อให้ตัวผมเอง แน่ใจว่า
ถ้าหากว่าคุณ “ใช่” ละก็ จะได้ไม่พลาดโอกาสสำคัญของชีวิต
เพราะว่าบางทีนี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในชีวิตของคุณก็ได้
ผมพูดว่า บางที เพราะเราต่างยังไม่รู้ว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า
เมื่อเราเป็นคนมีเหตุผล การจะตัดสินว่าอะไรใช่หรือไม่ใช่
เราควรจะทำอะไรเพื่อพิสูจน์ มากกว่าเพียงแต่ฟังใครสักคนหนึ่ง
หรือคิดคาดเดาไปเองใช่ไหมครับ
- (ถ้าทำได้) มันจะเหมาะกับเราหรือ
คำว่า “ไม่เหมาะกับเรา” หมายความว่าอย่างไรหรือครับ
หมายความว่าไม่สมกับเกียรติยศฐานะหรือการศึกษา…
เสียดายวิชาความรู้ที่เรียนมาหรือครับ…เราเรียนที่มหาวิทยาลัย
เพื่อให้เรามีข้อจำกัดในการทำงาน มาก ขึ้นหรือ น้อย ลงละครับ
เราเรียนมหาวิทยาลัยเพื่อให้
จิตใจและทางเลือก ในการดำเนินชีวิตเปิดกว้าง มากขึ้น หรือ
เรียนเพื่อให้จิตใจและทางเลือกในการดำเนินชีวิตหดแคบ ลงละครับ
อย่างที่ผมเรียนให้ทราบแล้วนะครับว่า
ผมไม่แน่ใจว่าคุณจะทำได้หรือไม่ แต่ถ้าทำได้ และทำสำเร็จด้วย
ยังจะมีเหตุผลอื่นใดอีกละครับ ที่จะไม่เหมาะสม
คุณกำลังหมายความว่างานอาชีพที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุน
ไม่ต้องโกหก ไม่ต้องทำผิดกฎหมาย ไม่ทำให้ผู้อื่นเสียหาย
ไม่มีความเสี่ยงที่เราควบคุมไม่ได้ เป็นอาชีพที่ไม่เหมาะกับเราหรือครับ
ถ้าเช่นนั้นอาชีพชนิดไหนละครับที่จะเหมาะกับเรา
- เราพูดไม่เก่งจะขายได้หรือ
คุณว่ายน้ำเป็นเมื่ออายุเท่าไรครับ
อ๋อ…เมื่ออายุ 12 ปีหรือครับ
เมื่ออายุ 10 ปี…ว่ายน้ำเป็นแล้วใช่ไหมครับ
ยังไม่เป็น หรือครับ…คุณกำลังบอกว่า…
คนที่เคยว่ายน้ำไม่เป็นมาก่อน ต่อมาภายหลังสามารถว่ายน้ำเป็นได้
อย่างนั้นหรือครับ แต่ไม่ใช่อยู่ๆก็เป็น อย่างนั้นถูกไหมครับ
คุณคงต้องหัดว่ายน้ำ ถ้ามีครูแนะนำก็เป็นเร็วหน่อย
ถ้าไม่มีครูก็ใช้วิธีครูพักลักจำ อย่างนั้นก็ช้าหน่อยถูกไหมครับ
ถามจริงๆตอนฝึกว่ายน้ำจมน้ำสำลักน้ำบ้างไหมครับ…(เคยครับ/ค่ะ)
สำลักหรือครับ ทำไมไม่เลิกเสียละครับ ไปทนทรมานอยู่ทำไม
อ๋อ…อยากว่ายน้ำเป็นหรือครับ
คุณกำลังบอกผมว่า ถ้าอยากเป็น…ต้องอดทนอย่างนั้นถูกไหมครับ
ถ้าทน “สำลักน้ำ” กับงานอาชีพประกันชีวิตสักระยะหนึ่ง
แล้วมีรายได้เพิ่มจากเดิมอีกสัก 5 ถึง 10 เท่าจะเสียหายอะไรไหมครับ
คุณขี่จักรยานเป็นเมื่ออายุเท่าไร อ๋อ…เมื่อสิบเอ็ดขวบหรือครับ
ยังพอจำได้ใช่ไหมครับว่า เมื่ออายุเก้าขวบขี่จักรยานได้แล้ว
อ๋อ…ตอนนั้นยังไม่ได้หรือครับ
นั่นก็หมายความว่าก่อนที่เราจะขี่จักรยานได้เราเคยขี่ไม่ได้มาก่อน
ถูกไหมครับ ก่อนที่เราจะขี่ได้เราคงต้องหัดขี่ใช่ไหมครับ
สมัยเมื่อผมยังเด็กเราไม่มีจักรยานแบบที่มีล้อเล็กๆยันเอาไว้ให้
เคยล้มบ้างไหมครับ ล้มหรือครับ เจ็บใช่ไหมครับ
ล้มแล้วนั่งแช่อยู่ตรงนั้นหรือเปล่าครับ
อ๋อ…ลุกขึ้นมาหัดขี่ต่อไปอีกใช่ไหมครับ ทำไมไม่นั่งต่อไปละครับ
ไม่มีประโยชน์ใช่ไหมครับ อยากขี่เป็นใช่ไหมครับ
เจ็บก็ไม่เลิกใช่ไหมครับ
ถ้าในงานอาชีพนี้อาจต้องล้มบ้างเจ็บบ้างแล้ว (พูด) เก่งขึ้นทุกวัน
ขายเก่งขึ้นทุกวันมีเงินมากขึ้นทุกวัน ดีไหมครับ
เราอยากว่ายน้ำเป็น ก็เพราะรู้ว่า ไม่วันใดก็วันหนึ่ง
เราอาจต้องข้ามแม่น้ำหรืออาศัยการเดินทางทางน้ำ
ไปสู่จุดหมายปลายทาง
เราอยากขี่จักรยานเป็น ก็เพราะเรารู้ว่า
มันพาเราไปถึงจุดหมายเร็วกว่า การเดินเท้า ถูกไหมครับ
ถ้าเรารู้ว่าการพูดสื่อสารได้ดีเป็นเครื่องมือสำคัญ
ที่จะทำให้เราประสพความสำเร็จในชีวิต และเราก็รู้ตัวว่ายังไม่เก่ง
เราอยากฝึกฝนให้เก่งไหมครับ
- เราจะมีเวลาพอหรือ เฉพาะงานประจำก็ยุ่งจะแย่อยู่แล้ว
ขอโทษนะครับ คุณคงใช้เวลาไปกับเรื่องที่สำคัญๆ
เสียจนหมดสิ้นแล้วใช่ไหมครับ…(ลองหาคำตอบจริงๆดู)…
คุณผู้หญิงครับ สมมติว่าคุณมีลูกเล็กๆสองคน คนหนึ่งอายุห้าขวบ
อีกคนหนึ่งอายุสามขวบ ในขณะที่คุณกำลังผัดข้าวในกระทะบนเตาไฟ
ให้ลูกได้รับประทาน สามีของคุณเดินเข้ามานั่งลงบนโซฟา
หยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านแล้วขอน้ำเย็นจากคุณ เป็นไปได้ไหมครับว่า
บางทีคุณอาจบอกว่า “ไม่ว่าง” ไปหยิบเอง กำลังผัดข้าวให้ลูกไม่เห็นหรือ
ผมขอสมมติอีกครั้งคราวนี้คุณกำลังผัดข้าวอยู่
เพื่อนบ้านข้างๆชะโงกหน้าข้ามรั้วมาตะโกนบอกคุณว่า
“พี่ๆลูกพี่ตกลงไปในน้ำ” คุณจะตอบเหมือนกับที่ตอบสามีเมื่อสักครู่นี้ไหม
คงไม่-ใช่ไหมครับ ทำไมหรือครับ ทำไมจึงไม่บอกว่า “ไม่ว่าง”
เพราะว่าเป็นเรื่องสำคัญกับชีวิตของเราใช่ไหมครับ
ถามจริงๆเถอะครับ เรื่องที่เราจะหารายได้เพื่อให้มีเงินเก็บให้ลูก
สักปีละ 500,000 บาท เป็นเรื่องสำคัญใช่ไหมครับ
- อาชีพนี้จะเป็นที่ยอมรับของสังคมรอบตัวเราหรือ
แพทย์เป็นอาชีพที่ถือกันว่าทรงเกียรติ ถูกไหมครับ
ขอโทษนะครับ ขอถามตรงๆว่า
หมอที่ไม่ควรได้รับเกียรติมีบ้างไหมครับ
การเป็นครูบาอาจารย์เป็นงานอาชีพที่ถือเป็นปูชนียบุคคล
แต่ก็มีครูอาจารย์บางคนที่ไม่ใช่ปูชนียบุคคลถูกไหมครับ
การที่จะได้รับการยอมรับหรือไม่
น่าจะอยู่ที่อาชีพหรือคนทำอาชีพ มากกว่ากันครับ
ถ้าในระหว่างที่เรากำลังคุยกันอยู่นี้
คนกวาดถนนคนหนึ่งนำเอากระเป๋าสตางค์ของคุณที่ทำหล่นไปมาคืนให้
โดยเงินนับหมื่นบาทและเอกสารทุกอย่างยังอยู่ครบถ้วน
คุณคงเห็นด้วยกับผมว่าคนๆนี้มีเกียรติเป็นที่ยอมรับได้ใช่ไหมครับ
- เราไม่ชอบง้อหรือตื๊อใคร เราจะทำได้หรือ
คุณไม่เคยง้อหรือตื๊อใครเลยใช่ไหม
คุณจะไม่ทำ – แม้ว่าจะทำให้ผู้เกี่ยวข้องทั้งสองฝ่ายได้รับประโยชน์
(ถ้าบังเอิญมีใครเรียกมันว่าเป็นการง้อหรือตื๊อ) อย่างนั้นหรือครับ
ถ้าวันหนึ่งสามีภรรยาคู่หนึ่งทะเลาะกันเพราะสามีทำผิด
สามีรู้ตัวว่าผิด เย็นวันนั้นกลับบ้านเร็วกว่าปกติ
รีบหาอาหารจานโปรดมาเตรียมไว้ให้ภรรยา
ภรรยายังโกรธไม่หายยังคงไม่มองหน้าและไม่ยอมพูดด้วย
ทั้งสองอาบน้ำเสร็จแล้วเข้านอน ภรรยานอนหันหลังให้
สักครู่หนึ่งสามีเอื้อมมือไปแตะไหล่ ภรรยาเลื่อนตัวหลบ
เพราะยังโกรธไม่หาย ตกดึกสามีพยายามอีกครั้งเอื้อมมือไปกอด
อย่างนี้ใช่ไหมที่เรียกว่าง้อ อย่างนี้ใช่ไหมครับที่เรียกว่าตื๊อ
ผมถามจริงๆว่า หากคุณเป็นภรรยาและสามีคุณทำกับคุณอย่างนี้
คุณจะโกรธมากไหมครับ คุณจะรู้สึกแย่กับการง้อหรือการตื๊อของสามีคุณ
หรือว่าคุณชอบ
ถ้าเราเป็นเจ้าของปั๊มน้ำมัน เมื่อเรามองผ่านจากกระจกห้องทำงาน
เห็นลูกค้าที่มาเติมน้ำมันคนหนึ่งแสดงอาการไม่พอใจเด็กลูกจ้างของเรา
เพราะไม่ระมัดระวังทำท่อน้ำมันกระแทกถูกตัวถังรถคันใหม่ของเขา
ผมเดาว่าคุณคงออกจากห้องมาดูแลนะครับ ผมคาดเดาต่อไปว่า
คุณคงเข้าไปขอโทษลูกค้า และอาจต้องดุเด็กของคุณว่าทำอย่างนี้ไม่ได้
ระวังหน่อย ขอโทษนะครับ – ใช่ไหม
ทำไมต้องทำอย่างนั้นล่ะ อยากให้เขาใช้บริการอีกใช่หรือเปล่า
อย่างนี้เรียกว่าง้อหรือเปล่าครับ
ผมถามจริงๆ ถ้าหากว่ามีใครสักคนยอมง้อบ้าง ตื๊อบ้าง
แล้วทุกคนที่เกี่ยวข้องมีความสุขได้รับประโยชน์
พ่อยอมง้อแม่ หรือแม่ยอมง้อพ่อ ไม่ทะเลาะกัน
ลูกมีความสุข เสียหายอะไรไหม
ถ้าลูกค้าเข้าใจเจตนาของเราผิดเรียกความพยายาม ของเรา
เป็นการ ตื๊อ มันเสียหายมากเลยหรือครับ
ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือถ้าคุณอ่านหนังสือเล่มนี้ไปจนจบ
คุณจะรู้ว่า เราสามารถขายได้โดยไม่ต้องง้อไม่ต้องตื๊อ
ถ้าผมสามารถพิสูจน์ให้คุณเห็นได้ว่า เราสามารถทำงานอาชีพนี้ได้ดี
โดยไม่ง้อหรือตื๊อ คุณจะทำงานนี้ไหม
(โปรดตรวจสอบดูจากบทที่ว่าด้วยคำถามมาตรฐานว่ามีคำพูดในทำนองง้อหรือตื๊อหรือไม่)
- งานนี้ต้องออกไปหาลูกค้าใช่ไหม
ครับ เราต้องเป็นฝ่ายออกไปหาลูกค้า ไม่ใช่นั่งรอให้ลูกค้ามาหาเรา
ถ้าเราเป็นเจ้าของปั๊มน้ำมัน ทุกๆ วันนั่งรอลูกค้าขับรถเข้ามาเติมน้ำมัน
สมมติว่า เรามียอดขายจากการนั่งรอแบบนี้เดือนละสักหนึ่งแสนบาท
สมมติต่อไปว่าคุณรู้แน่ๆ ว่า ถ้าคุณออกไปพบลูกค้าสัก 20-30 ราย
ที่เป็นบริษัทห้างร้านที่มีรถยนต์หลายคัน ใช้น้ำมันเดือนละมากๆ
ชักชวนให้เขาทำสัญญาเติมน้ำมันกับคุณเป็นประจำ
ทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้นอีกสักเดือนละหนึ่งหรือสองแสนบาท
ถามจริงๆ คุณคิดว่าคุ้มไหมกับการต้องตากหน้า ออกไปหาคนอื่น
ถามจริงๆ เถอะครับ
ระหว่างงานอาชีพที่เราสามารถ ควบคุมความเป็นไปของมันได้
กับงานที่เราไม่สามารถ ควบคุมได้ คุณจะเลือกงานแบบไหน
ผมมั่นใจว่าคุณจะเลือกแบบแรก เห็นด้วยกับผมไหมว่า
หากงานอาชีพกำหนดให้เราตั้งรับ รออยู่ว่าจะมีลูกค้าเข้ามา
ทำธุรกิจกับเราไหม ก็ต้องจัดว่าเป็นอาชีพที่เราไม่สามารถ
ควบคุมปริมาณและคุณภาพของธุรกิจได้
ตรงกันข้าม หากงานอาชีพกำหนดให้เราต้องเป็นฝ่ายรุก
ออกไปแสวงหาผู้มุ่งหวังและโอกาสในธุรกิจได้ ก็ต้องจัดว่า
เป็นอาชีพที่เรามีอำนาจควบคุม ความเป็นไปของธุรกิจได้มากขึ้น
- ทำแล้วรวยเหรอ สำหรับผม เงินไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง
ถูกแล้วครับ เงินไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง
เห็นด้วยกับผมไหมว่า เราไม่ควรถือเอาเงินเป็นพระเจ้า
อย่าว่าแต่เป็นพระเจ้าเลย เพราะเงินไม่ควรเป็น แม้เพียง “นาย”
เงินจะเป็นได้ดีที่สุดก็เพียงแค่บ่าวรับใช้เท่านั้น
เพื่อนๆคงเห็นด้วยกับผมว่า แม้มีเงินก็ไม่อาจซื้อทุกสิ่งทุกอย่างได้
ย้ำอีกครั้ง แม้มีเงิน ก็ไม่อาจซื้อทุกสิ่งทุกอย่างได้
เพื่อนๆ ที่รัก ทั้งที่มี เงินก็ยังไม่อาจซื้อทุกสิ่งทุกอย่างได้
แล้วถ้าไม่มี ล่ะ …แล้วถ้าไม่มีล่ะ
เมื่อพูดถึงเงิน ผมหมายถึง สิ่ง ที่นำอาหารที่ดีมาให้ครอบครัวของเราได้บริโภคดื่มกิน
สิ่ง ที่นำเอาเครื่องนุ่งห่มที่เพียงพอและมีคุณภาพมาให้ครอบครัวเรา
สิ่ง ที่ทำให้บ้านที่อยู่ของเรามีสภาพและบรรยากาศที่เหมาะแก่การอยู่อาศัย
สิ่ง ที่นำหยูกยาและการรักษาพยาบาลมาให้แก่คนที่เรารักและบุพการีของเรายามเจ็บป่วย
สิ่ง ที่นำพาลูกหลานของเราไปเรียนโรงเรียนที่เหมาะสม
สิ่ง ที่นำเอาการพักผ่อนหย่อนใจมาสู่ครอบครัวของเรา
สิ่ง ที่เราได้ใช้จ่ายเพื่อการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ และการกุศลต่างๆ เหล่านี้ล้วนต้องใช้เงิน ทั้งสิ้น
ข้อความที่เป็นพุทธวจนะในธรรมบทกล่าวว่า
เมื่อยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว
ไม่ทำตัวให้ดีและไม่หาทรัพย์ไว้
พอถึงวัยแก่เฒ่า พวกเขาย่อมนั่งซบเซา
เหมือนนกกะเรียนแก่
จับเจ่าอยู่ริมสระที่ไร้ปลา
และ
เมื่ออยู่ในวัยหนุ่มสาว
ไม่ทำตัวให้ดี และไม่หาทรัพย์ไว้
พอถึงวัยแก่เฒ่า พวกเขาย่อมนอนทุกข์
ทอดถอนรำพึงถึงความหลัง
เหมือนธนูหัก (ใช้ยิงอะไรก็ไม่ได้)
ผมทราบดีว่าแม้จะได้ตอบปัญหาในใจของท่านบางประเด็นไปแล้ว
แต่ก็แน่ใจว่ายังมีปัญหาคาใจหลงเหลืออยู่ ช่างเถอะปล่อยให้มันผ่านไปก่อน
เพราะบางทีท่านอาจจะพบคำตอบเมื่ออ่านต่อไปอีกสักหน่อย
ทีนี้เรามาว่าถึงอาการอย่างหนึ่งของพวกเรา – คนทำงานประกันชีวิต “ ไม่กล้า – ความกลัว ”
คิดถึงการลงทุนการเงิน เงินออม สุขภาพ ลดหย่อนภาษี คิดถึงผม
พี พสิษฐ์ ปิยพนธ์ปยุต
ผู้จัดการบริหารด้านการเงินมืออาชีพ
ผู้จัดการบริหารด้านการเงินมืออาชีพ
0899955069
ID Line Wannachaisak
http://line.me/ti/p/~Wannachaisak
ID Line Wannachaisak
http://line.me/ti/p/~Wannachaisak
Fan Page คลิ๊ก
https://m.facebook.com/PrudentialS55
https://m.facebook.com/PrudentialS55
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น